สำหรับใครที่กำลังอยากมีที่พักเป็นของตัวเองหรือมีอสังหาฯ เพื่อการลงทุน การเลือกซื้อคอนโดมือสองก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งการซื้อคอนโดมือสองนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาอยู่บ้าง โดยมีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเลือกซื้อคอนโดมือสอง ว่าควรต้องรู้อะไรบ้าง
การเลือกที่อยู่อาศัยสิ่งที่ควรคำนึงเลยก็คือฟังก์ชัน อย่างคอนโดที่ดีควรมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานและการอยู่อาศัยของเรา ซึ่งเราก็ต้องกลับมาถามตัวเองด้วยว่า เราต้องการฟังก์ชันอย่างไร กี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง โดยอาจจะพิจารณาจากความชอบส่วนตัว จำนวนคนที่อาศัยอยู่ในห้อง เป็นต้น
ซึ่งเมื่อได้ฟังก์ชันที่ต้องการแล้ว ก็ควรกลับมาดูว่ามีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอหรือตอบโจทย์การอยู่อาศัยด้วยหรือไม่ ซึ่งพื้นที่ใช้สอยในที่นี้ นอกจากความกว้างขวางภายในห้องแล้ว ยังรวมไปถึงทางเดิน สวน รวมไปถึงพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดอีกด้วย
แน่นอนว่าการเลือกซื้ออะไรสักอย่าง การตรวจสอบสภาพของสิ่ง ๆ นั้นย่อมเป็นสิ่งจำเป็น กับคอนโดก็เช่นกัน ไม่ว่าคุณจะได้ราคาที่ดีแค่ไหน ทำเลดีแค่ไหน แต่ถ้าสภาพห้องที่ได้นั้นเก่า เสื่อมโทรม จะส่งผลต่อการอยู่อาศัยในระยะยาว หากไม่ได้ตั้งใจที่จะรีโนเวท ก็ควรเช็กสภาพห้องให้ดีก่อนเข้าอยู่ โดยเฉพาะคอนโดมือสองที่มีอายุ 5-10 ปีขึ้นไป ยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อคอนโดมือสองเลยก็คือเรื่องของทำเล ให้พิจารณาดี ๆ ว่าคอนโดมือสองที่เลือกซื้อ อยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตไหม ใกล้สถานที่ทำงานไหม ใกล้โรงพบายาลหรือสิ่งอำนวยความสะดวกหรือไม่ รวมไปถึงการจราจรในทำเลนั้นว่ามีการจราจรเป็นอย่างไร รถติดมากไหมในเวลาเร่งด่วน ถ้าเป็นคอนโดในเมืองก็ควรพิจารณาถึงระบบขนส่งมวลชนว่ามีความสะดวกมากน้อยแค่ไหน เช่น มีรถไฟฟ้า รถเมย์ หรือรถสองแถว เพื่อให้การเดินทางในชีวิตประจำวันสะดวกมากที่สุด
โดยส่วนใหญ่แล้วคอนโดมือสองจะมีราคาที่ถูกกว่าคอนโดมือหนึ่ง แต่เราอยากฝากทริคเพิ่มเติมได้แก่
4.1 เปรียบเทียบราคากับคอนโดมือสองโซนรอบ ๆ หรือใกล้เคียง : เผื่ออาจได้ห้องที่ฟังก์ชันใกล้เคียงแต่ราคาถูกกว่า และยังอยู่ในโลเคชั่นเดิมที่เราเล็งไว้
4.2 ต่อรองราคา : แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อให้ลองต่อรองราคาดูสักหน่อย เผื่อคุณอาจได้คอนโดที่ถูกใจในราคาที่ถูกลงกว่าราคาขายปัจจุบัน
โดยนอกจากราคาของคอนโดแล้ว อาจมีสิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่มเติมที่เราควรรู้ไว้ เช่น ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโด (ชำระคนละครึ่งกับผู้ขาย หรือตามตกลง), เงินมัดจำ (10%) ของราคาคอนโด, ค่าจดจำนอง (1% ของราคาคอนโด) , ค่าส่วนกลางคอนโด และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เป็นต้น
5. รู้ความน่าเชื่อถือของโครงการ
โดยทั่วไปความน่าเชื่อของโครงการอาจมาจากแบรนด์หรือชื่อของผู้สร้างโครงการ ซึ่งเราสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากในอินเตอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นโครงการเล็ก ๆ หรือเป็นชื่อที่เราอาจไม่คุ้นชินสักเท่าไหร่ ก็อยากแนะนำให้หาข้อมูลของโครงการเพิ่มเติม โดยอาจจะสังเกตจากโครงการคอนโดอื่น ๆ เพื่อมาเปรียบเทียบ หรือของข้อมูลตามโซเชียลมีเดีย